ลงทุนอย่างชาญฉลาดด้วย "ความหลากหลายของการลงทุน (Investment Diversification)" เพื่อผลตอบแทนระยะยาว

ความหลากหลายของการลงทุน (Investment Diversification) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ความหมายของการลงทุนที่หลากหลาย

การลงทุนที่หลากหลาย (Investment Diversification) หมายถึง การกระจายการลงทุนไปยังหลายๆ ประเภทสินทรัพย์ แทนที่จะลงทุนไปที่สินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ เป็นต้น การลงทุนที่หลากหลายช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุน เนื่องจากแต่ละประเภทสินทรัพย์มีความผันผวนและปัจจัยเสี่ยงที่แตกต่างกัน

ประโยชน์ของการลงทุนที่หลากหลาย

ลดความเสี่ยง
เมื่อเรากระจายการลงทุนไปยังหลายๆ ประเภททรัพย์สิน หากสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งมีผลตอบแทนที่ไม่ดี ก็จะมีสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ที่สามารถชดเชยผลขาดทุนนั้นได้
เพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากสินทรัพย์แต่ละประเภทมีวงจรการเติบโตและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน จึงช่วยเพิ่มโอกาสให้เราได้รับผลตอบแทนที่ดีจากสินทรัพย์ที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
เหมาะสำหรับระยะยาว
เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว เนื่องจากสามารถช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนในระยะยาวและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดี

ตัวอย่างเปรียบเทียบการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงและไม่กระจายความเสี่ยง

ตัวอย่างการลงทุนแบบไม่กระจายความเสี่ยง

ผู้ลงทุนมีเงินลงทุน 100,000 บาท ลงทุนในกองทุนหุ้นเพียงกองเดียว เมื่อกองทุนขาดทุน 10% เท่ากับว่าผู้ลงทุนจะขาดทุนไป 10,000 บาท

ตัวอย่างการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง

ผู้ลงทุนมีเงินลงทุน 100,000 บาท แบ่งลงทุน 3 กอง ได้แก่ กองทุนหุ้น 40% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 35% และกองทุนผสม 25% เมื่อเกิดความผันผวน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพอร์ตการลงทุน

กองทุนหุ้น ขาดทุน 15% (ขาดทุน 6,000 บาท)
กองทุนอสังหาริมทรัพย์กำไร 5% (กำไร 1,750บาท)
และกองทุนผสมกำไร (เท่าทุนเดิม)

เท่ากับว่าในช่วงที่ตลาดผันผวน ผู้ลงทุนจะขาดทุนเพียงแค่ 4,250 บาทเท่านั้น จะเห็นได้ว่าการกระจายความเสี่ยงช่วยลดผลขาดทุนได้มาก เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์เพียงชนิดเดียว ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสถียรมากขึ้น แม้ว่าจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่น้อยกว่าก็ตาม

การจัดสรรเงินลงทุนในลักษณะ “พีระมิดการลงทุน” จะทำให้พอร์ตการลงทุนมีความปลอดภัยสูงขึ้นในทุกสภาวะของตลาด

สรุป

สำหรับนักลงทุนรายย่อย วิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย คือ การลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งจะทำให้เราสามารถกระจายการลงทุนไปยังหลายๆ สินทรัพย์ได้ในคราวเดียว นอกจากนี้ เรายังสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว